สวัสดีจ้าเพื่อนๆชาวไซเบอร์ ชาว blog ทุกคน ^^
นี่เป็นblog ที่เผยแพร่ทางความคิดที่ทุกคนจะมีอิสระภาพทางความคิด
ในการสร้างบล็อกนี้เป็นการสร้างครั้งแรก มีครั้งแรก เพื่ออาจารย์แรก เข้าคอนเซบพอดี
และจะพยายามเขียนให้เพื่อนๆได้เข้าใจง่ายที่สุด
ถ้ามีข้อผิดพลาดหรือเข้าใจยากก็ขอคำติชมเพื่อแก้ไขให้แจ่มแจ้งในครั้งต่อๆไปนะจ๊ะ^^
หาคำตอบได้ ณ ที่นี้ ...
แต่นแตนแต๊น...(ไร้สาระตั้งแต่เริ่มเลยทีเดียว)^^
มนุษย์เป็นสัตว์สังคมที่ทุกคนทราบกันแล้ว เมื่อคนมาอยู่รวมกันมากขึ้นๆ
แน่นอนว่าต้องมีปัญหาเกิดขึ้น และเพื่อที่จะทำให้ปัญหานั้นทุเลาลงและหมดไป
เราจะต้องสร้างกฎเกณฑ์ขึ้นมาเพื่อจัดการให้เป็นระบบระเบียบมากขึ้น
กฏเกณฑ์เหล่านั้นก็จะพัฒนาขึ้นตามความเหมาะสมกับกลุ่มชนแต่ละกลุ่ม
และคนที่สร้างกฎเกณฑ์เหล่านั้นขึ้นมา สร้างขี้นมาเพื่ออะไร?
สร้างเพื่อผลประโยชน์ของตนเองหรือคนส่วนใหญ่ ?
(แต่ในปัจจุบันคนสร้างกฎนั้นแน่นอนต้องให้ตัวเองได้ประโยชน์ส่วนใหญ่ ..ป่อยย!!!) นี่คือเรื่องจริง.
การศึกษาทำให้มนุษย์มีความรู้มาก คนที่มีความรู้มากก็ย่อมเอาเปรียบคนมีความรู้น้อย
ผู้ที่ได้รับการศึกษาสูงจะเข้ามามีบทบาทมากในการทำงานต่างๆมากกว่าคนที่มีการศึกษาน้อย
ระดับการทำงานก็ต่างกัน ในเมืองไทยที่เห็นๆได้ชัด การศึกษายิ่งสูงยิ่งมีความสำคัญคนนับหน้าถือตา สังคมก็สูงขึ้น การแข่งขันก็มากขึ้น ยิ่งมีตำแหน่งหน้าที่สูงขึ้นอำนาจที่มีในการปกครองก็มากขึ้นด้วย
และมนุษย์มีการแสวงหาไม่จบสิ้น ในสังคมปัจจุบัน เห็นได้ชัดในเรื่องของการเมือง คนที่เข้าไปก็จะมีอำนาจ และผลประโยชน์ก็จะตามมา.( ทั้งนั้นน่ะ นักการเมือง)
สังคมไทยจะปลูกฝังในเรื่องการศึกษามาก
สังคมไทยจะปลูกฝังในเรื่องการศึกษามาก
ตัวอย่าง
ครอบครัว -ไม่มีเงินเข้าเรียนโรงเรียนดีดี อย่างน้อยก็ยังมีวัดที่คอยสอนหนังสือ อย่างน้อยเรายังพอรู้เรื่องบ้างอ่านออกเขียนได้แหละน่า ( การใช้ชีวิต )
-ต้องเรียนสูงๆนะลูก พ่อแม่ทำงานหาเงินเพื่อให้ลูกได้เรียนหนังสือ จะได้ไม่ต้องมาลำบาก ( นึกถึงอนาคต )
-อ่ะเอาเงินไปเรียนพิเศษ จะได้สอบติด ต่อไปจะได้เป็นเจ้าคนนายคนกับเค้าบ้าง ( เป็นความหวัง )
รัฐบาล -มีนโยบายเรียนฟรีจนถึง ม.6 เพื่อให้เด็กไทยมีอนาคต และ มีความรู้กันทั่วถึง เพื่อจะได้มาพัฒนาประเทศชาติให้เจริญ ( ยิ่งใหญ่ระดับประเทศ )
จะเห็นว่าการศึกษาสำคัญมากพัฒนาตั้งแต่บุคคลจนไปถึงประเทศชาติ แต่การเรียนการสอนสำคัญยิ่งกว่า เพราะสอนให้คนมีความรู้และรู้จักคิด และแล้วก็มาเจอนักปรัชญาคนนึงที่มาสนับสนุนเรื่องนี้อย่างเห็นได้ชัด คือ เบอร์แทรนด์ รัสเซ็ล ( อ๊ะ เค้าเป็นใครหนอ? เค้ามาจากไหน? )
ถ้าผู้ที่ไม่ได้เรียนมาทางด้านนี้อาจจะงงว่าท่านผู้นี้คือใคร แนะนำคร่าวๆพอรู้ที่มาก่อนจะดีกว่า เบอร์แทรนด์ รัสเซ็ล (ค.ศ. 1872-1970) Bertrand Russell ท่านผู้นี้เป็นนักคณิตศาสตร์ นักปรัชญา ชาวอังกฤษ มีชื่อเสียงด้าน ตรรกศาสตร์และทฤษฎีว่าด้วยความรู้ แต่มาได้รางวัลโนเบลสาขาวรรณคดี จากผลงานเรื่อง “ประวัติศาสตร์ปรัชญาตะวันตก”
รัสเซลมีความเห็นว่า “รากฐานแห่งอำนาจนั้นมาจากการศึกษา การศึกษาแบบเผด็จการ”(authoritarian education)
ครอบครัว -ไม่มีเงินเข้าเรียนโรงเรียนดีดี อย่างน้อยก็ยังมีวัดที่คอยสอนหนังสือ อย่างน้อยเรายังพอรู้เรื่องบ้างอ่านออกเขียนได้แหละน่า ( การใช้ชีวิต )
-ต้องเรียนสูงๆนะลูก พ่อแม่ทำงานหาเงินเพื่อให้ลูกได้เรียนหนังสือ จะได้ไม่ต้องมาลำบาก ( นึกถึงอนาคต )
-อ่ะเอาเงินไปเรียนพิเศษ จะได้สอบติด ต่อไปจะได้เป็นเจ้าคนนายคนกับเค้าบ้าง ( เป็นความหวัง )
รัฐบาล -มีนโยบายเรียนฟรีจนถึง ม.6 เพื่อให้เด็กไทยมีอนาคต และ มีความรู้กันทั่วถึง เพื่อจะได้มาพัฒนาประเทศชาติให้เจริญ ( ยิ่งใหญ่ระดับประเทศ )

จะเห็นว่าการศึกษาสำคัญมากพัฒนาตั้งแต่บุคคลจนไปถึงประเทศชาติ แต่การเรียนการสอนสำคัญยิ่งกว่า เพราะสอนให้คนมีความรู้และรู้จักคิด และแล้วก็มาเจอนักปรัชญาคนนึงที่มาสนับสนุนเรื่องนี้อย่างเห็นได้ชัด คือ เบอร์แทรนด์ รัสเซ็ล ( อ๊ะ เค้าเป็นใครหนอ? เค้ามาจากไหน? )
ถ้าผู้ที่ไม่ได้เรียนมาทางด้านนี้อาจจะงงว่าท่านผู้นี้คือใคร แนะนำคร่าวๆพอรู้ที่มาก่อนจะดีกว่า เบอร์แทรนด์ รัสเซ็ล (ค.ศ. 1872-1970) Bertrand Russell ท่านผู้นี้เป็นนักคณิตศาสตร์ นักปรัชญา ชาวอังกฤษ มีชื่อเสียงด้าน ตรรกศาสตร์และทฤษฎีว่าด้วยความรู้ แต่มาได้รางวัลโนเบลสาขาวรรณคดี จากผลงานเรื่อง “ประวัติศาสตร์ปรัชญาตะวันตก”
รัสเซลมีความเห็นว่า “รากฐานแห่งอำนาจนั้นมาจากการศึกษา การศึกษาแบบเผด็จการ”(authoritarian education)
การศึกษาแบบเผด็จการเป็นยังไง?
ก็ที่เราเรียนมาตั้งแต่อนุบาลจนถึงปัจจุบันในบ้านเมืองของเรานี่เอง
คือจะสอนให้เด็กแลเห็นความสบาย((อ่า อ่า อ้าปากหน่อย อั้ม!!!ป้อนเข้าปากเสร็จ กลับบ้านได้ !!!) สอนให้สบายในการมีอำนาจ และมุ่งหวังอำนาจเป็นอุดมคติแห่งชีวิตและการกระทำทุกอย่าง
และรัสเซ็ลยังชี้ให้เห็นถึง การศึกษาแบบเผด็จการทำให้เกิดทั้งคนที่เป็นทาสและคนที่เป็นนาย
เพราะการศึกษาแบบนี้ทำให้เกิดความรู้สึกขึ้นว่าความสัมพันธ์ระหว่างมนุษย์นั้นมีอยู่ทางเดียวคือ
ความสัมพันธ์ระหว่างผู้ที่ออกคำสั่งและผู้รับคำสั่ง ซึ่งก็น่าคิดเพราะเราเป็นสังคมที่มีประชาธิปไตยเป็นจุดหมายปลายทาง แต่ขณะเดียวกันเราก็เป็นสังคมที่มีวัฒนธรรมประเพณี(ทางเผด็จการ)
ที่เกิดจากการศึกษาที่ตกทอดต่อๆๆๆกันมาหลายรุ่นหลายยุคสมัย นี่แสดงถึงจุดเริ่มต้นที่น่าจะเปลี่ยนให้หมดเพราะเป็นรากฐานที่สำคัญ เพราะ....
เราก็เห็นกันอยู่ ว่าอะไรที่เป็นตัวนำพาประเทศชาติ ก็คือการเมือง และเศรษฐกิจ
เราก็เห็นกันอยู่ ว่าอะไรที่เป็นตัวนำพาประเทศชาติ ก็คือการเมือง และเศรษฐกิจ
รัสเซ็ลได้เสนอความคิดทางการเมืองไว้ว่า “มนุษย์เข้ามาเกี่ยวข้องกับการเมืองเพราะแสวงหาอำนาจเหนือคนอื่น” ฟังดูแล้วก็จริงที่มนุษย์นั้นเป็นสิ่งมีชีวิตที่ใฝ่หาอำนาจ
คนที่จะใช้อำนาจในการปกครองประเทศนั้น ใครๆก็รู้ว่าคือ นักการเมือง
รัสเซ็ลกล่าวว่า ในสังคมที่เป็นประชาธิปไตยนักการเมืองจะต้องสามารถทำให้พรรคการเมืองเชื่อถือไว้วางใจในตนเสียก่อน แล้วจึงหาความนิยมให้ผู้เลือกตั้งให้ได้มากจนพรรคนั้นมีเสียงข้างมาก
นักการเมืองคนใดทำได้ก็เป็นผู้มีอำนาจปกครองประเทศ และผู้ที่อำนาจมาก และมากขึ้นเรื่อยๆนั้น
มักจะลืมตัวและลืมคนอื่นได้ง่าย
ก็ดูได้จากหลายๆเหตุการณ์ในบ้านเรา เวลาเลือกตั้ง นักการเมืองมาหาเสียงให้เลือกเบอร์นี้ มีนโยบายต่างๆพูดดีด้วยยกมือไหว้ ว่าถ้าเลือกแล้วจะทำได้อย่างที่นโยบายบอกไว้
แต่พอได้รับเลือกแล้วก็ลืมสิ่งที่พูดไว้ เหลือแต่เพียงกอบโกยผลประโยชน์ให้ได้มากที่สุด นี่หรือการเมืองไทย (ดูขนลุกยังไงชอบกล)
แม้ว่าทรรศนะของรัสเซ็ลจะเข้าไปเกี่ยวข้องกับการเมืองจะไม่สมบูรณ์ จะเน้นไปทางการแสวงหาอำนาจ
แต่มันก็ช่วยเตือนใจพวกเราได้ว่า นักการเมืองไทยที่ลงสนามการเมือง
เพราะมีปัจจัยด้าน “ต้องการอำนาจเหนือคนอื่น”
เขาผิดตั้งแต่เริ่มแล้วเพราะเมื่อมีความโลภ โลภในอำนาจการกระทำนั้นก็หันเหในทางที่เลวร้าย
แต่จะหาใครที่ดีพร้อม คงไม่มี
เอาเป็นว่ารากฐานของมนุษย์นั้นสำคัญเพราะเป็นจุดเริ่มต้นในการพัฒนาบ้านเมืองให้เจริญๆยิ่งๆขึ้นไป
เราเปลี่ยนได้ถ้าทุกคนช่วยกัน
หลังจากอ่านจบบางคนอาจจะอยากกินสลิ่มเพราะสีสันเยอะเหลือเกิน ..ป่อยย!!
ขอขอบคุณอาจารย์แรกผู้สนับสนุนหลักและผู้ผลักดันให้มี
สิ่งใหม่ๆในไบโลกนี้
สิ่งใหม่ๆในไบโลกนี้
เพื่อนๆสามารอ่านเพิ่มเติมได้ที่
หนังสือปรัชญาการเมือง ของผู้แต่ง ทองแถม นาถจำนง ทุกเล่ม
ขอขอบคุณทุกคนที่เข้ามาอ่าน
ขอขอบคุณทุกคนที่เข้ามาอ่าน
เข้ามาเม้น
แสดงทรรศนะได้อย่างเต็มที่ เลยนะคร๊าาาา
.........................แล้วเจอกันใหม่ในครั้งหน้าที่น่าจะไฉไลกว่าเดิม
การเดินทางยังคงไม่มีที่สิ้นสุด....
"ความเท็จที่งอกงามในแวดวงแห่งอำนาจ
ไม่มีวันจะเปลี่ยนเป็นความจริงขึ้นมาได้"
(เรื่อง "นกเถื่อน" ของ รพิณทรนาถ ฐากูล)
สำหรับผู้ที่ไม่ได้เป็นสมาชิกให้กด ตรงที่เขียนว่า ความคิดเห็นที่ต่อจากวันที่นะคะ
ตรงท้ายสุดของบทความ
แล้วจะมี ให้ลงความคิดเห็น ขอบคุณจ้า^^