วันเสาร์ที่ 25 กรกฎาคม พ.ศ. 2552

อำนาจที่ดีสร้างได้


สวัสดีจ้าเพื่อนๆชาวไซเบอร์ ชาว blog ทุกคน ^^
นี่เป็นblog ที่เผยแพร่ทางความคิดที่ทุกคนจะมีอิสระภาพทางความคิด
ในการสร้างบล็อกนี้เป็นการสร้างครั้งแรก มีครั้งแรก เพื่ออาจารย์แรก เข้าคอนเซบพอดี
และจะพยายามเขียนให้เพื่อนๆได้เข้าใจง่ายที่สุด
ถ้ามีข้อผิดพลาดหรือเข้าใจยากก็ขอคำติชมเพื่อแก้ไขให้แจ่มแจ้งในครั้งต่อๆไปนะจ๊ะ^^

อำนาจที่ดีสร้างได้ ..ถ้า??
หาคำตอบได้ ณ ที่นี้ ...
แต่นแตนแต๊น...(ไร้สาระตั้งแต่เริ่มเลยทีเดียว)^^

มนุษย์เป็นสัตว์สังคมที่ทุกคนทราบกันแล้ว เมื่อคนมาอยู่รวมกันมากขึ้นๆ
แน่นอนว่าต้องมีปัญหาเกิดขึ้น และเพื่อที่จะทำให้ปัญหานั้นทุเลาลงและหมดไป
เราจะต้องสร้างกฎเกณฑ์ขึ้นมาเพื่อจัดการให้เป็นระบบระเบียบมากขึ้น
กฏเกณฑ์เหล่านั้นก็จะพัฒนาขึ้นตามความเหมาะสมกับกลุ่มชนแต่ละกลุ่ม
และคนที่สร้างกฎเกณฑ์เหล่านั้นขึ้นมา สร้างขี้นมาเพื่ออะไร?
สร้างเพื่อผลประโยชน์ของตนเองหรือคนส่วนใหญ่ ?
(แต่ในปัจจุบันคนสร้างกฎนั้นแน่นอนต้องให้ตัวเองได้ประโยชน์ส่วนใหญ่ ..ป่อยย!!!) นี่คือเรื่องจริง.
การศึกษาทำให้มนุษย์มีความรู้มาก คนที่มีความรู้มากก็ย่อมเอาเปรียบคนมีความรู้น้อย
ผู้ที่ได้รับการศึกษาสูงจะเข้ามามีบทบาทมากในการทำงานต่างๆมากกว่าคนที่มีการศึกษาน้อย
ระดับการทำงานก็ต่างกัน ในเมืองไทยที่เห็นๆได้ชัด การศึกษายิ่งสูงยิ่งมีความสำคัญคนนับหน้าถือตา สังคมก็สูงขึ้น การแข่งขันก็มากขึ้น ยิ่งมีตำแหน่งหน้าที่สูงขึ้นอำนาจที่มีในการปกครองก็มากขึ้นด้วย
และมนุษย์มีการแสวงหาไม่จบสิ้น ในสังคมปัจจุบัน เห็นได้ชัดในเรื่องของการเมือง คนที่เข้าไปก็จะมีอำนาจ และผลประโยชน์ก็จะตามมา.( ทั้งนั้นน่ะ นักการเมือง)
สังคมไทยจะปลูกฝังในเรื่องการศึกษามาก

ตัวอย่าง
ครอบครัว -ไม่มีเงินเข้าเรียนโรงเรียนดีดี อย่างน้อยก็ยังมีวัดที่คอยสอนหนังสือ อย่างน้อยเรายังพอรู้เรื่องบ้างอ่านออกเขียนได้แหละน่า ( การใช้ชีวิต )
-ต้องเรียนสูงๆนะลูก พ่อแม่ทำงานหาเงินเพื่อให้ลูกได้เรียนหนังสือ จะได้ไม่ต้องมาลำบาก ( นึกถึงอนาคต )
-อ่ะเอาเงินไปเรียนพิเศษ จะได้สอบติด ต่อไปจะได้เป็นเจ้าคนนายคนกับเค้าบ้าง ( เป็นความหวัง )
รัฐบาล -มีนโยบายเรียนฟรีจนถึง ม.6 เพื่อให้เด็กไทยมีอนาคต และ มีความรู้กันทั่วถึง เพื่อจะได้มาพัฒนาประเทศชาติให้เจริญ ( ยิ่งใหญ่ระดับประเทศ )


จะเห็นว่าการศึกษาสำคัญมากพัฒนาตั้งแต่บุคคลจนไปถึงประเทศชาติ แต่การเรียนการสอนสำคัญยิ่งกว่า เพราะสอนให้คนมีความรู้และรู้จักคิด และแล้วก็มาเจอนักปรัชญาคนนึงที่มาสนับสนุนเรื่องนี้อย่างเห็นได้ชัด คือ เบอร์แทรนด์ รัสเซ็ล ( อ๊ะ เค้าเป็นใครหนอ? เค้ามาจากไหน? )

ถ้าผู้ที่ไม่ได้เรียนมาทางด้านนี้อาจจะงงว่าท่านผู้นี้คือใคร แนะนำคร่าวๆพอรู้ที่มาก่อนจะดีกว่า เบอร์แทรนด์ รัสเซ็ล (ค.ศ. 1872-1970) Bertrand Russell ท่านผู้นี้เป็นนักคณิตศาสตร์ นักปรัชญา ชาวอังกฤษ มีชื่อเสียงด้าน ตรรกศาสตร์และทฤษฎีว่าด้วยความรู้ แต่มาได้รางวัลโนเบลสาขาวรรณคดี จากผลงานเรื่อง “ประวัติศาสตร์ปรัชญาตะวันตก”

รัสเซลมีความเห็นว่า “รากฐานแห่งอำนาจนั้นมาจากการศึกษา การศึกษาแบบเผด็จการ”(authoritarian education)

การศึกษาแบบเผด็จการเป็นยังไง?
ก็ที่เราเรียนมาตั้งแต่อนุบาลจนถึงปัจจุบันในบ้านเมืองของเรานี่เอง
คือจะสอนให้เด็กแลเห็นความสบาย((อ่า อ่า อ้าปากหน่อย อั้ม!!!ป้อนเข้าปากเสร็จ กลับบ้านได้ !!!) สอนให้สบายในการมีอำนาจ และมุ่งหวังอำนาจเป็นอุดมคติแห่งชีวิตและการกระทำทุกอย่าง
ละรัสเซ็ลยังชี้ให้เห็นถึง การศึกษาแบบเผด็จการทำให้เกิดทั้งคนที่เป็นทาสและคนที่เป็นนาย
เพราะการศึกษาแบบนี้ทำให้เกิดความรู้สึกขึ้นว่าความสัมพันธ์ระหว่างมนุษย์นั้นมีอยู่ทางเดียวคือ
ความสัมพันธ์ระหว่างผู้ที่ออกคำสั่งและผู้รับคำสั่ง ซึ่งก็น่าคิดเพราะเราเป็นสังคมที่มีประชาธิปไตยเป็นจุดหมายปลายทาง แต่ขณะเดียวกันเราก็เป็นสังคมที่มีวัฒนธรรมประเพณี(ทางเผด็จการ)
ที่เกิดจากการศึกษาที่ตกทอดต่อๆๆๆกันมาหลายรุ่นหลายยุคสมัย นี่แสดงถึงจุดเริ่มต้นที่น่าจะเปลี่ยนให้หมดเพราะเป็นรากฐานที่สำคัญ เพราะ....
เราก็เห็นกันอยู่ ว่าอะไรที่เป็นตัวนำพาประเทศชาติ ก็คือการเมือง และเศรษฐกิจ
รัสเซ็ลได้เสนอความคิดทางการเมืองไว้ว่า “มนุษย์เข้ามาเกี่ยวข้องกับการเมืองเพราะแสวงหาอำนาจเหนือคนอื่น” ฟังดูแล้วก็จริงที่มนุษย์นั้นเป็นสิ่งมีชีวิตที่ใฝ่หาอำนาจ
คนที่จะใช้อำนาจในการปกครองประเทศนั้น ใครๆก็รู้ว่าคือ นักการเมือง
รัสเซ็ลกล่าวว่า ในสังคมที่เป็นประชาธิปไตยนักการเมืองจะต้องสามารถทำให้พรรคการเมืองเชื่อถือไว้วางใจในตนเสียก่อน แล้วจึงหาความนิยมให้ผู้เลือกตั้งให้ได้มากจนพรรคนั้นมีเสียงข้างมาก
นักการเมืองคนใดทำได้ก็เป็นผู้มีอำนาจปกครองประเทศ และผู้ที่อำนาจมาก และมากขึ้นเรื่อยๆนั้น
มักจะลืมตัวและลืมคนอื่นได้ง่าย
ก็ดูได้จากหลายๆเหตุการณ์ในบ้านเรา เวลาเลือกตั้ง นักการเมืองมาหาเสียงให้เลือกเบอร์นี้ มีนโยบายต่างๆพูดดีด้วยยกมือไหว้ ว่าถ้าเลือกแล้วจะทำได้อย่างที่นโยบายบอกไว้
แต่พอได้รับเลือกแล้วก็ลืมสิ่งที่พูดไว้ เหลือแต่เพียงกอบโกยผลประโยชน์ให้ได้มากที่สุด นี่หรือการเมืองไทย (ดูขนลุกยังไงชอบกล)
แม้ว่าทรรศนะของรัสเซ็ลจะเข้าไปเกี่ยวข้องกับการเมืองจะไม่สมบูรณ์ จะเน้นไปทางการแสวงหาอำนาจ
แต่มันก็ช่วยเตือนใจพวกเราได้ว่า นักการเมืองไทยที่ลงสนามการเมือง
เพราะมีปัจจัยด้าน “ต้องการอำนาจเหนือคนอื่น
เขาผิดตั้งแต่เริ่มแล้วเพราะเมื่อมีความโลภ โลภในอำนาจการกระทำนั้นก็หันเหในทางที่เลวร้าย
แต่จะหาใครที่ดีพร้อม คงไม่มี
เอาเป็นว่ารากฐานของมนุษย์นั้นสำคัญเพราะเป็นจุดเริ่มต้นในการพัฒนาบ้านเมืองให้เจริญๆยิ่งๆขึ้นไป
เราเปลี่ยนได้ถ้าทุกคนช่วยกัน


หลังจากอ่านจบบางคนอาจจะอยากกินสลิ่มเพราะสีสันเยอะเหลือเกิน ..ป่อยย!!
ขอขอบคุณอาจารย์แรกผู้สนับสนุนหลักและผู้ผลักดันให้มี
สิ่งใหม่ๆในไบโลกนี้
เพื่อนๆสามารอ่านเพิ่มเติมได้ที่
หนังสือปรัชญาการเมือง ของผู้แต่ง ทองแถม นาถจำนง ทุกเล่ม
ขอขอบคุณทุกคนที่เข้ามาอ่าน
เข้ามาเม้น
แสดงทรรศนะได้อย่างเต็มที่ เลยนะคร๊าาาา

.........................แล้วเจอกันใหม่ในครั้งหน้าที่น่าจะไฉไลกว่าเดิม
การเดินทางยังคงไม่มีที่สิ้นสุด....

"ความเท็จที่งอกงามในแวดวงแห่งอำนาจ

ไม่มีวันจะเปลี่ยนเป็นความจริงขึ้นมาได้"

(เรื่อง "นกเถื่อน" ของ รพิณทรนาถ ฐากูล)


สำหรับผู้ที่ไม่ได้เป็นสมาชิกให้กด ตรงที่เขียนว่า ความคิดเห็นที่ต่อจากวันที่นะคะ

ตรงท้ายสุดของบทความ

แล้วจะมี ให้ลงความคิดเห็น ขอบคุณจ้า^^

29 ความคิดเห็น:

เปาเปา กล่าวว่า...

แม่นเลยทุกสิ่งอย่าง

"พอได้รับเลือกแล้วก็ลืมสิ่งที่พูดไว้ เหลือแต่เพียงกอบโกยผลประโยชน์ให้ได้มากที่สุด" แม่นสุดหูรูด


อ่านแล้วเข้าใจไม่ยากเลย
มียกตัวอย่างประกอบหมด

ใครว่าปรัชญาการเมืองไม่รู้เรื่อง
มาอ่านใหม่


อืม อยากกิน สลิ่ม
^^

ไม่ระบุชื่อ กล่าวว่า...

ไม่ค่อยรู้เรื่องปรัชญาหรอกคับ

แต่อ่านแล้วเข้าใจนะ

ไม่ระบุชื่อ กล่าวว่า...

ปัจจุบันนโยบายรียนฟรียังไม่100เปอร์เซ็นต์ ทางโรงเรียนยังก็บค่าใช้จ่ายอีก ส่วนการเรียนครูมักจะปอนเนื้อหามากไป ไม่ให้เด็กคิดเอง แล้วข้อเสียอีกอย่างคือ หนังสือเรียนเล่มหนามาก หนากว่าพวกรียนมหาวิทลัยอีก คงต้องปรับปรุงอีกสำหรับการศึกษาของเมืองไทย

Kanyarat กล่าวว่า...

อำนาจมีอยู่ทุกทุกทีี่บน โลก..สีครามใบนี้จริงๆๆ

ที่เห็นได้คงเป็น..อำนาจมืดจากรัฐบาล

นั้นเอง

เหอะเหอะ..พี่น้อง

BABARA ,, กล่าวว่า...

เหมือน ทักษิณ เลย...


เม้น อย่างนี้ จะโดนดักตีหัวปะเนี่ย เหอะๆ

Dr.Rak กล่าวว่า...

แล้วสยามประเทศของข้า​ฯ ก็พบแสงสว่างที่ปลายอุโมงค์
ปุ๊ก...ขอบคุณในความตั้งใจ
แม้ภาพปรากฏ ปุ๊กจะดู "เซอร์" มั่ก ๆ แต่ความคิดความอ่านของปุ๊ก บวกกับทักษะการแสดงออก บอกได้เลยว่าอนาคตทั้งของตัวเอง ของสังคม และของสยามประเทศต้อง "ไม่ธรรมดา" แน่ ๆ หากปุ๊กยังคงมุ่งมั่น "ทำการของปราชญ์" เช่นนี้อยู่ นั่นคือการเผยแพร่ และชักนำทางความคิด
ขอเพียงฝึกฝน มุ่งมั่น และเมื่อนั้น "ท้องฟ้าจะสีทองผ่องอำไพ ประชาชนจะเป็นใหญ่ในแผ่นดิน"...เดินหน้าต่อไป ไอ้มดแดง...ขอเป็นแรงใจให้อีกหนึ่ง
...บุญรักษา...
อาจารย์แรก

Pheromone กล่าวว่า...

มิใช่อำนาจหรอกที่เป็นรากฐาน

รากฐานคือ ความคิด และจิตใจ

ซึ่งสองอย่างนี้จะรวมกันเป็นคำว่า "จิตนาการ"

ถ้าคนจินตนาการว่าซักวันจะเป็นคนที่ยิ่งใหญ่นั่นหมายความว่าต้องการอำนาจ

แต่ถ้าคนจินตนาการว่าจะเป็นคนดีเพื่อคนอื่นเพื่อสังคม นั่นก็หมายความว่าความยิ่งใหญ่เช่นกัน

เพราะฉะนั้นอำนาจที่แท้จริงคือการทำความดีให้ปรากฎและคนอื่นจะศรัทธาต่อท่านเองอย่างแท้จริง

แต่ถ้าเป็นอำนาจที่ไม่แท้จริงคนที่อยู่ใต้อำนาจของท่าน เค้าก็หวังอำนาจอยู่เช่นกัน

เหตุผลเพราอย่าที่ท่านบอกมนุษย์เป็นสัตว์สังคมดังนั้นสัตว์สังคมย่อมต้องมีการรวมกลุ่มและเลียนแบบพฤติกรรมและจิตสำนึกกันโดยไม่รู้ตัวนั่นเอง

ไม่ระบุชื่อ กล่าวว่า...

....ต้องสร้างวัฒนธรรมประชาธิปไตยชุมชน เมืองและระดับประเทศชาติ เพื่อการเมือง เศรษฐกิจและสังคม การศึกษาสร้างความรู้ รอบรู้ที่ทันการณ์ทันสมัย Political Indoctrination ผลประโยชน์เพื่อประโยชน์ของประชาชนส่วนใหญ่...
ฝ่าวิกฤติเศรษฐกิจ ด้วยความ พอเพียง..

ไม่ระบุชื่อ กล่าวว่า...

สลิ่มน้ำกะทิถ้วยนึงปุ๊ก...

Ba-na-na กล่าวว่า...

ก็นะ

การที่จะไปถึงจุดมุ่งหมายที่เป็นแก่นแท้ที่สุของการศึกษา

นั่นก็คือการนำไปปฏิบัติในทางที่ถูกที่ควร

ใช่หรือไม่

ไม่เช่นนั้นเราศึกษาไปเพื่ออะไร เพื่อรู้ แต่ไม่ปฏิบัติ งั้นการศึกษาก็ไม่จำเป็นสิ..ว่าจริงมั้ย ก็แค่รู้เฉยๆแต่ไม่ทำ

PapilloN กล่าวว่า...

อำนาจที่ดีสร้างได้คือการที่มนุษย์ได้รับความรู้ที่มีศีลธรรมใช่ป่าว??

YoYo กล่าวว่า...

บางทีเราควรกลับไป ให้ วัดเป็นโรงเรียนแห่งแรกของคนซะแล้ว ละ

อำนาจ เกิดจากจินตนาการของมนุษย์

อำนาจไม่มีตัวตน จำต้องไม่ได้

แต่ทำไม มันถึงควบคุม คนได้ ขนาดนี้ละหนา

ไม่ระบุชื่อ กล่าวว่า...

มันก็ต้องเข้าใจใน ศักยภาพของเด็กไทยอะนะ
คือ เด็กที่อื่นเค้าจะสอนให้เด็กคิดเอง ทำเอง แก้ปัญหาเป็น
แต่ของเด็กของเราไม่ใช่อย่างนั้น (แม้ว่าในปัจจุบันจะพยายามก็เถอะ)

ยังไงก็ภาวนานะ ว่า เด็กไทยสู้ๆ
แว่นคุง แสดงความคิดเห็น เน้อ

ไม่ระบุชื่อ กล่าวว่า...

เค้าเชื่อว่า .. คน ๆ นึงจะดีได้

ขึ้นอยู่กับหลาย ๆ ปัจจัย ไม่ว่าจะเป็น การศึกษา ความเอาใจใส่จากครอบครัว แรงผลักดัน ต่าง ๆ นานามากมาย

สู้ ๆ นะ

ไม่ระบุชื่อ กล่าวว่า...

ไม่คิดว่าการเมืองจะใกล้ตัวขนาดนี้นะเนี่ย

อ่านไปแล้วก็นั่งคิดว่า เออ .. จริงด้วยๆๆๆ จนจบเลยอ่ะพี่ปุ๊ก

Unknown กล่าวว่า...

ก้อจิงอย่างที่ว่าอ่ะนะ
ปรางเบื่อเรื่องการเมืมองจัง
แหะๆๆ

เพราะผลประโยชน์
ทำให้คนอยากมีอำนาจ

แต่คนเราก้ออยากได้ผลประโยชน์กันทั้งนั้นนี่เนอะ
^^~*

ไม่ระบุชื่อ กล่าวว่า...

อำนาจที่แท้จริงและยืนยาวคือความดี ที่จะทำให้ผู้คนจดจำและศรัทธาไปอีกยืนยาว แต่คนยังไงก็เป็นคนอะนะ อำนาจกับเงิน ใครมั่งไม่อยากได้

ว่าแต่ปุ๊กมีสาระก็เป็นด้วยเหรอ นึกว่าได้แค่ทำตัวน่ารักไปวันๆ

ไม่ระบุชื่อ กล่าวว่า...

การศึกษาเด็กไทยสมัยนี้ก็เริ่มตื่นตัวขึ้นมาแล้ว แต่ก็ยังเป็นส่วนน้อยเท่านั้น เมื่อบ้านเมือระสำระสายเช่นนี้ ต้องฝากอนาคตไว้กับรากฐานที่สำคัญแล้วล่ะ

สู้ๆๆค่ะพี่ปุ๊ก^^

ไม่ระบุชื่อ กล่าวว่า...

อำนาจ สามารถทำทุกอย่างได้เพื่อที่จะให้ได้มันมา

ไม่ว่าจะด้วยวิธีใดก้อตาม ใครๆๆก้ออยากมีกันทั้งนั้น

คนที่เรียนมาสูงๆๆก็สามรถหลอกคนที่ไม่มีความรู้ได้

เพื่อผลประโยชน์ของตนเองเท่านั้น!!!จิงไหม??

ไม่ระบุชื่อ กล่าวว่า...

ก็เพราะประเทศไทยทุกวันนี้หรือจะวันไหนๆก็แล้วแต่
เป้าหมายของการศึกษา มันไม่ใช่เพื่อการหาความรู้
เป้าหมายของของการเมือง ก็ไม่ใช่เพื่อการพัฒนา
ว่ากันเรื่องสังคมไทย แต่อดีตมาปกครองโดยระบบกษัตริย์
(รัฐธรรมนูญเพิ่งมีไม่ถึง100ปีนี่เอง) โครงสร้างทางสังคมมันเป็นแบบ
คล้ายๆที่เค้าเรียกว่าอมาตยาธิปไตย มีเจ้านาย มีไพร่ อย่างที่เราได้เรียนประวัติศาสตร์กันมาแล้ว ทีนี้ยังไงอ่ะ ก็คือไพร่ต้องมีสังกัดมูลนายถูกมั้ย
มันก็กลายเป็นระบบอุปถัมภ์มาจนถึงทุกวันนี้ไง ประเภทที่อีกพวกนึงสั่ง กูจะเอา กูได้ประโยชน์ใครอย่ามาขวาง อีกพวกก้มหน้ารับคำสั่ง ไม่มีปากมีเสียง แสดงความคิดเห็นไม่ได้ เรียกว่าเป็นสังคมที่ไม่ประเทืองปัญญา
เพราะเจ้านายว่าไง เราก็ต้องว่าตามนั้น มันถูกซึมซับมาเรื่อยๆโดยที่เราไม่รู้ตัว เราไม่ได้ถูกปลูกฝังให้ใช้ความคิดมาตั้งแต่แรก
เมื่อมาเจอกับการปกครองแบบประชาธิปไตย จะมีสักกี่คนที่เข้าใจแก่นของการปกครองระบอบนี้ ประกอบกับบุคลิกของคนไทยที่กล่าวไว้ข้างต้น ดูมันช่างไม่สัมพันธ์กันเลยว่ามั้ยล่ะ
อย่างที่ปุ๊กยกตัวอย่างไว้นั่นแหละ การปลูกฝังแบบไทยแท้เลย
"ตั้งใจเรียนนะไอ้หมา จบมามีความรู้จะได้เป็น "เจ้าคนนายคน""
เป็นเจ้าคนนายคนกะระบอบประชาธิปไตยเนี่ยนะ?? เออถ้าเป็นอดีตละว่าไปอย่าง เห็นได้ว่าเรายังติดกับวัฒนธรรมเดิมๆ ความเชื่อเดิมๆ แต่จะว่าเดิมทีเดียวเลยมั้ย ก็ไม่นะ เพราะปัจจุบันมันมีอยู่จริง ระบบอุปถัมภ์ยังอยู่
ใช้เส้นใช้สายกันก็เยอะ
ปัญหาที่ปุ๊กเขียนไว้นี้ หากจะแก้คงยาก เป็นปัญหาที่ซับซ้อนและยาวนาน ความคิดของข้าพเจ้า เริ่มจากหน่วยที่เล็กที่สุดก็คือครอบครัวนี่แหละ "ปรับเปลี่ยนค่านิยมให้สอดคล้องกับจุดประสงค์ของระบอบการปกครองที่แท้จริง"
ถ้าจะแก้กันที่การศึกษา พูดตรงๆว่าระบบการศึกษาก็เชื่อถือไม่ได้ ต้องแก้ระบบการศึกษาก่อนอีก(แก้กันยาวละทีนี้) เราไม่ได้เรียนเพื่อความรู้ แต่เราเรียนเพื่อปริญญา!! การศึกษาเองก็ถูกทุนนิยมครอบงำหมดแล้วสมัยนี้ ไม่อยากเลยเถิดไปถึงระบบเศรษฐกิจ เดี๋ยวจะยาวเหยียดกันยกใหญ่ แต่จะบอกว่าจริงๆแล้วไอ่ระบบทุนนิยมแบบฉบับคนไทยคิดไม่เป็นนี่แหละ เป็นตัวสร้างค่านิยมแย่ๆและโยงไปถึงเรื่องการเมืองได้อีก แต่พอแค่นี้ละกัน เอาไปคิดต่อได้อีกเยอะ
ไม่รู้ตอบตรงประเด็นหรือป่าว มีแต่น้ำ ที่ข้าพเจ้าอ่านมาก็ไม่ค่อยเข้าใจหรอก แต่เดาว่าคีย์เวิร์ดน่าจะเป็น การปกครอง อำนาจและการศึกษา อะไรประมาณนี้ คำตอบก็งงๆเหมือนกัน งง (เป็นคนไทยแท้ เค้าไม่ได้สอนให้คิดนิ่) อิอิ

ไม่ระบุชื่อ กล่าวว่า...

ใช้ได้เลยทีเดียวค่ะ พี่ปู๊ก

รู้อะไรหลากหลายย ทีดีเนอะ!

ชอบตรงที่ยกตัวอย่างมา ไกล้ตัวดีอ่านแล้วเห็นภาพ



สู้ๆค่ะพี่เถาที่รัก*

oil กล่าวว่า...

มีสีสันเหมือนบทความเร้กเก้

สนุก ชึกกะชึก

ก็อย่างว่าเนอะการศึกษาเพื่อหาผลประโยชน์


ทักษิณหาประเทศลงได้รึยัง

ไม่ระบุชื่อ กล่าวว่า...

ปัจจุบัน...คนสร้างคนกฏ...



เพื่อผลประโยนช์


ของตัวเองเปงส่วนใหญ่จิงๆๆนะ....


อิอิ


เม้นๆๆ...By: N'NATTAPORN

Hilo กล่าวว่า...

นักการเมืองบางคนก้อเปนพวกพัฒนาการศึกษาจิงๆนะ ......

ก้อมานส่งลูกหลานของมานเอง(ครอบครัวมานเองอ่ะ)

ไปเรียนเมืองนอกเมืองนา ก้อเพราะมานคงคิดแล้วว่าเรียนและจบที่ไทยไม่อินเตอร์แน่ๆ ไม่เป็นสากล

แต่แทนที่พวกท่านๆทั้งหลายจะผลักดันการศึกษาของเด็กไทยกลับผลักดันตัวเองให้ถึงจุดสุดยอด ให้มีอำนาจการปกครอง และความร่ำรวย มีคนมากราบไหว้ ก่อนมานมาเป็นนักการเมืองหรือตอนลงสมัครอะไรสักอย่างมานจะมือไม้อ่อนไปหมดตอนหาเสียง ไหว้ทุกคนที่ที่กันดารก้อไปพร้อม แจกใบปลิวนโยบายต่างๆ (ต้องถ่ายรูปไว้ด้วยนะ กลัวคนหรือสื่อไม่เห็น..โคดแสร้ง)แต่พอได้รับเลือกแล้วเค้าเคยกลับไปเยี่ยมผูคนแถวนั้นบ้างป่าวถามถึงปัญหา สารทุกข์สุกดิบ ที่ชาวบ้านมีหรือป่าว หรือไปตีกอล์ฟหว้า

จะพัฒนาเด็กไทยไม่อยากหรอกเด็กไทยเก่งจาตาย แข่งได้โล่มาก้อมาก
ดูตัวอย่าง วิศวกรรมหุ่นยนต์แข่งได้ที่หนึ่งจากหลายประเทศ มาหลายสมัยแระ แต่พอพวกเค้าเหล่านั้นเรียนจบ แต่กลับไม่มีงานรองรับในประเทศไทย
มันก้อจำเป็นที่พวกเค้าต้องไปทำงานที่ต่างประเทศ สร้างผลงานให้ต่างประเทศ เสียดายแทนประเทศเรามีคนเก่งๆแต่กลับใช้ประโยนช์จากพวกเค้าไม่ได้เลย....
เราควรจะพัฒนาหรือปรับปรุงอย่างอะไรเป็นอย่างแรก เจ้าของบล็อกนี้ตอบหน่อย
ถ้าเรียนหรืออ่านวิชาองค์การและการจัดการจะตอบได้เลย ลองอ่านดูนะ

*~ดีจิงๆนะเนี้ย บล็อกนี้อ่ะ~* ทำหั้ยคิด

มัม กล่าวว่า...

โหว สุดๆอ่ะ ปุ๊ก

มียกตัวอย่าง แบบได้ใจ มากกก

ตอนนี้ที่บ้าน เรากำลังเป็นความหวัง


แต่มันยากนะที่จะปฎิวัติได้ เพราะใครบ้างที่ไม่อยากได้ เงิน


จิงมั๊ยแก !

ไม่ระบุชื่อ กล่าวว่า...

ความรู้สร้างคน คนสร้างชาติ

แต่ปัญหาในประเทศไม่ได้เกิดจากคนไม่มีความรู้

แต่หากเกิดจากคนที่มีความรู้ และต้องการอำนาจ

ทั้งสิ้นที่เป็นผู้สร้างปัญหาให้แก่ประเทศชาติ

ซึ่งการที่จะสามรถสร้างอำนาจได้บางครั้ง

อาจจะต้องใช้เงินเข้ามาสนับสนุนอำนาจอีกช่องทางหนึ่ง

ได้อ่านบทความแล้ว รู้สึกคล้อยตามเนื้อหาจัง

ขอบคุณน่ะ ที่หามาให้อ่าน จ้า

JaRmmY (dark/8) กล่าวว่า...

เอ่อ บางอย่างก็เปนเรื่องที่เกิดขี้นจิง

แต่การได้รับการศึกษามาอย่างดี หรือว่าเรียนได้เกียรตินิยม

ได้คำชื่นชมแต่ในกรง เมื่อต้องมาอยู่ในสังคมใหม่ๆ

ก็กลายเปนคนโง่ในที่นั้นๆ จะฉลาดและมีอำนาจได้ต้องอาศัยประสบการณ์

ความเก่งที่มีอยู่จิง และความเสแสร้งปั้นหน้าเป็นคนดีแล้วยิ้มเข้าหากัน

อย่างคนในปัจจุบัน (ใครกันหละที่จะมะเหนแก่ตัว)

เฮ้ย!! กำ บทความแกเนี่ยทำเอาซีเรียสเลย.....

oOoARToOo กล่าวว่า...

สีสันสดใส เนื้อหาเริ่ดหรู ชอบๆๆ

อ่านง่าย เข้าใจไม่ยาก มียกตัวอย่างที่เห็นภาพได้ชัด

บ่งบอก ถึงความหน้าตาดีของเพื่อนเจ้าของบล็อก

(ห้าห้า เกี่ยวกันมากนะข้อนี้)

ไม่ระบุชื่อ กล่าวว่า...

อีอาทนี่มันเหลือเกิน

แต่สีสีนสดใส สบายตาดีอ่ะ

อ่านแล้วก้เข้าใจง่ายๆเปนคำพูของเราเอง

ดีๆๆๆ

เอ็มค่ะ