วันเสาร์ที่ 1 สิงหาคม พ.ศ. 2552

จากครรภ์มารดาสู่เชิงตะกอน

จากครรภ์มารดาสู่เชิงตะกอน ใครที่ยังไม่เคยอ่านอยากให้อ่าน เขียนดีมาก มาก

เมื่อผมอยู่ในครรภ์ของแม่ ผมต้องการให้แม่ได้รับประทานอาหารที่เป็นคุณประโยชน์
และได้รับความเอาใจใส่ และบริการอันดีในเรื่องสวัสดิภาพของแม่และเด็ก
ผมไม่ต้องการมีพี่น้องมากอย่างที่พ่อแม่ผมมีอยู่ และแม่จะต้องไม่มีลูกถี่นัก

พ่อกับแม่จะแต่งงานกันถูกฎหมาย หรือธรรมเนียมประเพณีหรือไม่ ไม่สำคัญ
แต่สำคัญที่ พ่อกับแม่ต้องอยู่ด้วยกันอย่างสงบสุข ทำความอบอุ่นให้ผมและพี่น้อง

ในระหว่าง 2-3 ขวบแรกของผม ซึ่งร่างกายและสมองผมกำลังเติบโตในระยะที่สำคัญ
ผมต้องการให้แม่ผมกับตัวผม ได้รับประทานอาหารที่เป็นคุณประโยชน์

ผมต้องการไปโรงเรียน พี่สาวหรือน้องสาวผมก็ต้องการไปโรงเรียน จะได้มีความรู้หากินได้ และจะได้
รู้คุณธรรมแห่งชีวิต ถ้าผมมีสติปัญญาเรียนชั้นสูงๆ ขึ้นไป ก็ให้มีโอกาสเรียนได้

ไม่ว่าพ่อแม่ผมจะรวยหรือจน จะอยู่ในเมืองหรือชนบทแร้นแค้น
เมื่อออกจากโรงเรียนแล้ว ผมต้องการงานอาชีพที่มีความหมาย
ทำให้ได้รับความพอใจว่า ตนได้ทำงานเป็นประโยชน์แก่สังคม


บ้านเมืองที่ผมอาศัยอยู่จะต้องมีขื่อ มีแป ไม่มีการข่มขู่ กดขี่ หรือประทุษร้ายกัน
ประเทศของผมควรจะมีความสัมพันธ์อันชอบธรรม และเป็นประโยชน์กับโลกภายนอก
ผมจะได้มีโอกาสเรียนรู้ถึงความคิด และวิชาของมนุษย์ทั้งโลก
และประเทศของผมจะได้มีโอกาส รับเงินทุนจากต่างประเทศ มาใช้เป็นประโยชน์แก่ส่วนรวม

ผมต้องการให้ชาติของผมได้ขายผลิตผลแก่ต่างประเทศด้วยราคาอันเป็นธรรม
ในฐานะที่ผมเป็นชาวไร่ชาวนา ผมก็อยากมีที่ดินของผมพอสมควรสำหรับทำมาหากิน
มีช่องทางได้กู้ยืมเงินมาขยายงาน มีโอกาสรู้วิธีการทำกินแบบใหม่ๆ มีตลาดดี และขายสินค้าได้ราคายุติธรรม

ในฐานะที่ผมเป็นกรรมกร ผมก็ควรจะมีหุ้นมีส่วนในโรงงาน บริษัท ห้างร้านที่ผมทำอยู่

ในฐานะที่ผมเป็นมนุษย์ ผมก็ต้องการอ่านหนังสือพิมพ์
และหนังสืออื่นๆ ที่ไม่แพงนัก จะฟังวิทยุ ดูโทรทัศน์
ก็ได้โดยไม่ต้องทนรบกวนจากการโฆษณามากนัก

ผมต้องการสุขภาพอนามัยอันดี และรัฐบาลจะต้องให้บริการป้องกันโรคแก่ผมฟรี
กับบริการการแพทย์ รักษาพยาบาลอย่างถูกอย่างดี เจ็บป่วยเมื่อใดหาหมอพยาบาลได้สะดวก

ผมจำเป็นต้องมีเวลาว่างสำหรับเพลิดเพลินกับครอบครัว
มีสวนสาธารณะที่เขียวชะอุ่ม สามารถมีบทบาท
และชมศิลปะ วรรณคดี นาฏศิลป์ ดนตรี วัฒนธรรมต่างๆ
เที่ยวงานวัน งานลอยกระทง งานนักขัตฤกษ์ งานกุศลอะไรก็ได้พอสมควร

ผมต้องการอากาศบริสุทธิ์สำหรับหายใจ น้ำดื่มบริสุทธิ์สำหรับดื่ม

เรื่องอะไรที่ผมเองไม่ได้ หรือได้แต่ของไม่ดี
ผมก็จะขอความร่วมมือกับเพื่อนฝูงในรูปสหกรณ์ หรือ สโมสร หรือสหภาพ จะได้ช่วยซึ่ง
กันและกัน

เรื่องที่ผมจะเรียกร้องข้างต้นนี้ ผมไม่เรียกร้องเปล่า
ผมยินดีเสียภาษีอากรให้ส่วนรวมตามอัตภาพ

ผมต้องการโอกาสที่มีส่วนในสังคมรอบตัวผม ต้องการมีส่วนในการวินิจฉัยโชคชะตาทางการเมือง เศรษฐกิจ และสังคมของชาติ

เมียผมก็ต้องการโอกาสต่างๆ เช่นเดียวกับผม และเราสองคนควรจะได้รับความรู้และวิธีการวางแผนครอบครัว

เมื่อแก่ ผมและเมียก็ควรได้ประโยชน์ตอบแทนจากการประกันสังคม ซึ่งผมได้จ่ายบำรุงตลอดมา

เมื่อจะตาย ก็ขออย่าให้ตายอย่างโง่ๆ อย่างบ้าๆ
คือตายในสงครามที่คนอื่นก่อให้เกิดขึ้น ตายในสงครามกลางเมือง
ตายเพราะอุบัติเหตุรถยนต์ ตายเพราะน้ำหรืออากาศเป็นพิษ หรือตายเพราะการเมืองเป็นพิษ

เมื่อตายแล้ว ยังมีทรัพย์สมบัติเหลืออยู่ เก็บไว้ให้เมียผมพอใจในชีวิตของเธอ
ถ้าลูกยังเล็กอยู่ก็เก็บไว้ เลี้ยงให้โต แต่ลูกที่โตแล้วไม่ให้ นอกนั้นรัฐบาลควรเก็บไปหมด
จะได้ใช้เป็นประโยชน์ในการบำรุงชีวิตของคนอื่นๆ บ้าง

ตายแล้ว เผาผมเถิด อย่างฝัง คนอื่นจะได้มีที่ดินอาศัยและทำกิน
และอย่าทำพิธีรีตอง ในงานศพให้วุ่นวายไป

เขียนโดย อ. ป๋วย อึ้งภากรณ์
ผู้ที่นำมาเผยแพร่ คือ คุณ si เมื่อวันที่ 9 ตุลาคม 2008
ขอบคุณคุณ si ที่นำบทความดีดีมาเผยแพร่

7 ความคิดเห็น:

m กล่าวว่า...

เงินทองที่มีมากมายทั้งหลาย

ตายไปก็เอาไปไม่ได้อยู่ดี

ความดีที่จะยังอยู่บนโลกใบนี้ไปอีกนานแสนนาน

ต้องลองไปถามคนที่อยู่เมืองนอก-*-

ว่ามีเงินมากมายแล้วมีความสุขมั๊ย?

แม้แต่ประเทศที่ตัวเองเกิดยังอยู่ไม่ได้เลย

อย่างนี้จะมีเงินทองมากมายไว้เพื่อ??

ปล.ป้าส้มตำแกก็ความคิดดีนะ อิอิ

Ba-na-nA กล่าวว่า...

ก็นะ

รัฐบาลไทย

อนาคตจาเปงงัยมั่งก็มะรุ

จาไหวมั้ยน้อ

ไม่ระบุชื่อ กล่าวว่า...

ขอแสดงความคิดเห็นแบบไม่ต้องเป็นอุดมคติมากก็แล้วกัน
เอาใกล้ๆตัว ใกล้เคียงความเป็นจริง ในประเทศเราก็พอ

ข้าพเจ้าเชื่อว่านักการเมืองมีการคอรัปชั่นกันทุกพรรค เป็นปกติอยู่แล้วอ่ะ
อย่าว่าแต่นักการเมืองเลย ข้าราชการก็ด้วย เราเองรู้กัน คิดง่ายๆนะ
นายทหารหรือตำรวจอ่ะ ยศสูงๆอ่ะเงินเดือนจะเท่าไหร่กัน
สู้คนค้าขาย หรือทำธุรกิจไม่ได้หรอก แต่ดูแต่ละผู้แต่ละนายเอาเหอะ
รถบ้านมันมีตั้งกี่คัน ดูแค่นักการเมืองท้องถิ่นก็พอ
เงินเดือนแค่ไม่กี่หมื่นบาท แต่ดูสภาพความเป็นอยู่ของเค้าแล้วกัน
หยั่งกะมีธุรกิจร้อยล้าน

แน่นอนนักการเมืองต้องแสวงหาผลประโยชน์ ถ้าไม่คอรัปชั่นโดยตรงอย่างน้อยก็ต้องเอื้อประโยชน์ทางอ้อมให้ตนหรือพวกพ้อง
ในความคิดของข้าพเจ้าคิดว่าเป็นเรื่องธรรมดามาก ไม่เห็นแปลก
เพราะโดยธรรมชาติของมนุษย์แล้วมีเห็นแก่ตัวเป็นที่ตั้ง(โทมัส ฮอบส์)
เมื่อมีโอกาสหรือช่องทางก็ต้องตักตวงไว้ มนุษย์ธรรมดาย่อมมีกิเลส
เป็นปกติ ไม่ใช่ผู้วิเศษ อภิมนุษย์ หรือผู้รู้แจ้ง ที่จะละตรงนี้ได้

แต่ทีนี้เนี่ย ไอ้นักการเมืองบ้านเราอ่ะ มันก็การเมืองสมชื่อจริงๆ
การเมืองเป็นเรื่องผลประโยชน์ มันก็เล่นแต่การเมือง
การบริหารกูไม่สนไง ขอให้กูเข้ามามีอำนาจมีเอี่ยว กูเล่นการเมืองแม่งอย่างเดียว ความรู้ความสามารถมีหรือป่าวกูไม่สน ใครขวางกูกำจัด
ใครสนับสนุนเอ้าแบ่งเค้กกันไป ไม่สนประชาชนโดยเฉพาะคนรากหญ้าอย่างป้าส้มตำ พวกนักการเมืองแทคทีมนักธุรกิจ มีแต่รวยกับรวย

เกิดปัญหาละ ความเหลื่อมล้ำทางสังคม คนรวยก็รวยม้ากกกก
คนไม่มีก็ไม่มีเล้ยยยย มัวแต่เล่นการเมือง ไม่บริหารประเทศ
แก้ปัญหาบ้าบออะไรไม่รู้ชอบแก้แต่ในเมือง สร้างสิ่งอำนวยความสะดวก
ให้พวกคนเมือง แล้วคนจนอ่ะ อย่าว่าแต่สิ่งอำนวยความสะดวกเลย
เอาแค่ปัญหาปากท้องก่อนเหอะคู้ณ ยิ่งทวีความเหลื่อมล้ำทางสังคมขึ้นไปอีกเห็นมั้ย ระหว่างสังคมเมืองกับชนบท

เอาเป็นว่ารัฐในอุดมคติขอผู้นำแบบ ที่มีความเป็นนักบริหารอ่ะ
จะเลวจะโกงไม่รู้หละ แต่เอาให้พอดี อย่าให้มันโอเวอร์
แต่เน้นหลักๆคือมีความสามารถในการบริหาร วิสัยทัศน์ไกล
ที่สำคัญไม่อุ้มพวกคนชั้นสูงมากเกินเหตุ(แม่งรวยกับแล้วก็รู้จักพอกันมั่งเหอะ) อย่าลืมว่าประชากรส่วนใหญ่ของเรายากจน ต้องให้ความสำคัญกับคนรากหญ้าอย่างป้าสมตำด้วย แก้ปัญหาปากท้อง สวัสดิการ โรงพยาบาล
ฯลฯ ยังขาดอีกมาก ไม่ใช่จะสร้างแต่รถไฟฟ้า คนได้ประโยชน์มีไม่กี่คนเมื่อเทียบกับคนทั้งชาติ คุ้มมั้ยล่ะ คนจนบางคนยังไม่มีบ้านอยู่ ไม่มียารักษาโรค ปัญหาปัจจัย4อ่ะ ช่วยแก้หน่อย

ไม่เอาอ่ะ ไอ่พวกเล่นการเมืองอย่างเดียว เบื่อ!! มองย้อนประวัติศาสตร์ไปมันเหมือน เรายังไม่พ้นวัฎจักที่เคยเกิดขึ้น ซ้ำแล้วซ้ำเล่า
ประวัติศาสตร์ชาติเราหรือชาติอื่นก็มีเป็นบทเรียน ผลลัพธ์ต่างๆเราเองก็รู้
ว่าต่อไปเป็นไง แต่ด้วยความเห็นแก่ตัวไม่นึกถึงส่วนรวม
เละเทะหมักหมม เป็นปัญหาสืบมาจนทุกวันนี้แหละ

สรุป ขอผู้นำที่มีความรู้ เป็นนักบริหาร อย่าเล่นการเมืองอย่างเดียว
เล่นได้แต่คุณก็ต้อง(มีความ)รู้ด้วย แก้ปัญหาความเหลื่อมล้ำทางสังคม
เห็นความสำคัญของคนระดับล่าง(รวมข้าพเจ้า) ซึ่งเป็นประชากรส่วนใหญ่
จบ.....ขอบคุณ

ปล.บทความน้องกรูแมร่งเจ๋งว่ะ เนื้อหา เรียบเรียง อ้างอิง
ภูมิใจจริงๆ

......แมวไทยหลังอาน อิอิ

กาลก่อนความคิดจะบินไป..555 กล่าวว่า...

...กอบโกยจนร่ำรวย เป็นความฉลาดในชีวิต ๆ หนึ่ง แต่อย่าลืมแบ่งปันประสบการณ์ วิธีการ ไว้ก่อน เมื่อตายจะได้ไม่ตายอย่าง โง่ ๆ ๆ ...

ไม่ระบุชื่อ กล่าวว่า...

เม้นผิดอันนี่หว่า

ไม่เป็นไรเดี๋ยวเม้นใหม่

......แมวไทย

บิ๊กโช กล่าวว่า...

แหม คิดได้ไงเนี่ย

บทความช่างดีจิงๆ

**คนรวยที่สุดในโลกมองหาวิธีการสร้างเครือข่าย ในขณะที่คนอื่น มองหางานทำ **

อยากรวยติดต่อเรานะ

อิอิ

รักแม่จ้าาาา.... กล่าวว่า...

***คิดถึงแม่เราแล้วนะ...ต้องกลับบ้านไปกอดแล้วหอม ๆ ๆ ๆ หลาย ฟอดเลย..แล้วบอกแม่ว่า รักแม่มากที่สุดเลยยยย...